บทนำ รีวิว FiiO BTR5
วันนี้เรามา รีวิว FiiO BTR5 Bluetooth DAC/AMP สำหรับหูฟัง ที่เรียกได้ว่าร้อนแรงที่สุดของแบรนด์ Fiio ในเวลานี้เลยนะครับ ร้อนแรงขนาดที่ว่าล็อตแรกขายหมดทันทีที่วางไม่ถึงครึ่งวัน ผมว่าใช้เวลาชั่วโมงเลยดีกว่า ตัว Bluetooth DAC/AMP ตัวนี้จะเป็นตัวไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก Fiio BTR5 ครับ
โดยรวม Fiio BTR5 ถือได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุด เนื่องจากมีกำลังขับที่ดีที่สุด รองรับ codec หลากหลาย และมีรูปทรงและการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้ผมเชื่อว่า นี่คือ Bluetooth DAC / AMP สำหรับหูฟังที่ดีที่สุดในขณะนี้
หมายเหตุ : Fiio BTR5 ได้มีการอัพเกรดใหม่แล้วเป็นเวอร์ชัน Fiio BTR5 2021 สามารถอ่านรีวิวได้ที่ลิงค์นี้เลย
รีวิว Fiio BTR5 2021สเปคเครื่องเป็นอย่างไร
Fiio BTR5 เป็นอุปกรณ์ประเภท Bluetooth DAC/AMP ที่รับตัวสัญญาณจากโทรศัพท์มาประมวลผลข้อมูลด้วยตัว DAC แล้วผ่านตัว AMP ออกมาเป็นเสียงผ่านหูฟังที่เราเสียบ
ซึ่งสเปค ของตัว BTR5 นั้น ตัวชิปที่ใช้ในจะเป็น ES9218 จำนวน 2 ตัว ชิป Bluetooth จะเป็น Qualcomm CSR8675 Fiio BTR5 ยังมาพร้อมกับตัว Bluetooth 5.0 รองรับการถอดรหัสแบบต่างๆ ครบเลย ไม่ว่าจะเป็น AAC/SBC/aptX/aptX LL/aptX HD/LDAC
รองรับการทำตัว USB DAC ด้วย ซึ่งการทำ USB DAC สามารถเสียบเข้ากับคอมแล้วก็ใช้งานได้เลย ซึ่งตรงนี้จะให้เสียงแบบปกติ แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากได้เสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม ต้องไปโหลดตัว Driver ที่อยู่ในเว็บของ Fiio เอง และเอามาลงที่คอม จะทำให้ได้ประสิทธิภาพเต็มตัวของ USB DAC ซึ่ง USB DAC ของเขาสามารถรองรับการถอดรหัสได้ถึง 32 bits/384 kHz เลยนะ แล้วก็รองรับ Native DSD256 ด้วยนะครับ
OLED Screen
Fiio BTR5 ยังมาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ OLED ขนาด 0.49 นิ้ว 64 x 32 พิกเซล ที่แสดงผลได้ทั้งการจับคู่ การเชื่อมต่อ สถานะการโทร สถานะของพลังงาน ระดับเสียงและอื่นๆ อีกมากมายอยู่ในตัว BTR5 คุณสามารถเลื่อนดูตัวเลือกการชาร์จ โหมดรถยนต์ ฟิลเตอร์ออนบอร์ด และปรับแต่งอีควอไลเซอร์ในตัวได้เลย
อายุแบตเตอรี่
ด้านแบตเตอรี่จะให้มาที่ 550 mAh ใช้เวลาชาร์จเพียง 1.5 ชั่วโมง สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว สำหรับการทดสอบกับหูฟัง 3.5 มม. และใช้งานได้ 5-6 ชั่วโมง กับการทดสอบกับ output Balanced 2.5 ครับ
การควบคุม
ช่องหูฟังมีทั้งแบบตัว 3.5 ธรรมดา และ Balanced 2.5 ครับ ถ้าเพื่อนๆ ลองเสียบหูฟังเข้าทั้ง 2 ช่องพร้อมกัน ทั้ง 2.5 และ 3.5 เพื่อนๆ จะได้เสียงจากช่อง output 3.5 เท่านั้นครับ สัญาณเสียงที่ได้จากช่อง 3.5 เป็นแบบ AAC
ทางด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม 3 ปุ่ม และช่องไมโครโฟน จากปุ่ม Power ตามด้วยปุ่มควบคุมเสียง ถัดไปจะเป็นปุ่มมัลติฟังก์ชัน ที่สามารถเรียกใช้งานฟังก์ชันได้หลากหลาย รวมถึง Voice Assistan ด้วยครับ
ไมโครโฟน
มาพร้อมกับไมโครโฟนในตัวจำนวน 2 ตัว สามารถพูดคุยโทรศัพท์ได้ ไมโครโฟนมีเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน CVC 8.0 สามารถปรับตัวเกณฑ์ได้อีก 2 แบบ เป็น Low กับ High เพื่อให้เหมาะสมกับค่า Impedance ของหูฟังเรา
การควบคุมระดับเสียงได้อย่างอิสระ
การปรับ Volume ก็จะเป็นการปรับแบบอิสระแยกออกจากกันระหว่างตัว BTR5 กับตัวโทรศัพท์ เพื่อให้ได้เสียงที่ตรงตามความต้องการของเรามากขึ้น พูดง่ายๆ คือ ให้ความละเอียดมากขึ้น ปรับที่โทรศัพท์ก็ได้ ปรับที่ BTR5 ก็ได้มันแยกออกจากกัน
เชื่อมต่อโดย NFC
ตัว Fiio BTR5 ยังมาพร้อมกับระบบตรวจจับประเภทของหูฟังที่ใช้ ตัวเขาเองเขาจะปรับค่า output ให้แบบอัตโนมัติ เมื่อเราถอดตัวหูฟังออกเพลงก็จะหยุดอัตโนมัติด้วย มีเซ็นเซอร์ตรวจจับหมดเลย มี NFC ในการจับคู่ เมื่อเราจับคู่เข้ากับโทรศัพท์ที่รองรับ NFC ก็จะสามารถแตะแล้วก็ Pair ได้เลย
Car mode
มี Car โหมด คือ สามารถเปิดปิดเครื่องได้เมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวปุ่มต่างๆ บนเครื่องรองรับการใช้งานทั้งการเล่นเพลง หยุดเอง รับสาย วางสายโทรศัพท์ เรียก Voice Assistant เปลี่ยน Volume แล้วก็เปลี่ยนเพลงได้
Fiio Music App
การจับคู่กับแอพเพลง FiiO คุณจะสามารถกำหนดค่าความสมดุลของช่องสลับระหว่างฟิลเตอร์และการเข้าถึงอีควอไลเซอร์ 10 แบนด์ นี่เป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์มากในขณะที่ผู้ใช้แอปอื่น ๆ สามารถเข้าถึงเมนู EQ บนเครื่องได้เช่นกัน
ราคาศูนย์ไทยอยู่ที่ 3,490 บาท เพื่อนๆอยากมั่นใจว่าได้ซื้อของแท้ประกันศูนย์ไทยเต็มๆ 1 ปี เพื่อนๆสามารถสั่งซื้อได้ที่ www.endizmo.com หรือทาง shopee ตาม Link ที่อยู่ในแบนเนอร์นี้หรือจะสั่งซื้อตาม line ID : @endgizmo ก็ได้ทั้ง 3 ช่องทาง ฟรีค่าจัดส่งด้วยนะครับ
แกะกล่อง
ต่อไปครับเรามาดูการแกะกล่องตัว Fiio BTR5 เขาจะมาในกล่อง size ไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้านหน้าจะมีรูปตัวเครื่อง Size จริง มีการระบุว่าเป็น Hi-res Audio Wireless ส่วนด้านหลังก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 43.7 กรัม และบอกมิติของตัวเครื่อง ตัว Dimension ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังดี
เมื่อเราเลื่อนออกมาก็จะเจอตัวกล่อง อุปกรณ์จะอยู่ในกล่องนี้ มีตัว Quick start ตัวถาดข้างล่างทำมาจากพลาสติกไม่ใช่กระดาษ ตัว Quick start ต่างๆ ก็จะบอกวิธีการใช้งาน มีภาษาอังกฤษ ภาษาจีนแต่ไม่มีภาษาไทย เขาก็จะบอกว่าอุปกรณ์ทำอะไรได้บ้าง
ตัวอุปกรณ์เสริมในกล่องจะมีตัวสายชาร์จเป็นแบบ USB Type C เส้นเล็กๆ ไม่ยาว แนะนำว่า เพื่อนๆ ควรมีสาย USB Type C เส้นยาวกว่านี้สักหน่อยครับ เพื่อความสะดวกในการเชื่อต่อ
ในกล่องจะมี Warranty card มาพร้อมกับตัวคลิปหนีบเสื้อที่เป็นเคสด้วยในตัว เป็นแบบพลาสติกใสแน่นๆ ดูหนา และแข็งแรงดี น้ำหนักเบา
รูปลักษณ์ภายนอก
ตัวเครื่อง BTR5 นั้นออกแบบมาดูดีเลยครับ ตัวบอดี์จะเป็นสีดำ ลักษณะผิวจะเป็นอลูมิเนียม และข้างหลังเป็นกระจก ซึ่งภายใต้กระจกนั้นจะเป็นหน้จอ OLED แสดงการตั้งค่าและการควบคุม BTR5
ด้านบนมีช่องหูฟัง 2 ช่อง ช่องหนึ่ง เป็นแบบ 3.5 ธรรมดา ส่วนอีกช่องเป็น Balance 2.5 ด้านล่างเป็นที่ชาร์จแบบ USB Type C ส่วนด้านหลังมีการระบุ โลโก้ FiiO ไว้ รวมถึง สัญลักษณ์รับรองว่า เป็น Hi-res Audio และ Hi-res Audio Wireless
นอกจากนี้ ด้านข้าง BTR5 ยังมีไมโครโฟน ที่สามารถใช้โทรศัพท์ระหว่างใช้งานได้เลยถึงแม้ว่าหูฟังที่ใช้อยู่จะไม่มีไมโครโฟน
ฟังก์ชันการทำงาน
ด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่มมัลติฟังชั่น ทำได้หลายอย่าง ทั้งกดรับสาย วางสาย เล่นเพลง หยุดเพลง แล้วก็ cancel ส่วนปุ่มบนจะเป็นปุ่ม power ด้านล่างจะเป็น Volume ด้านหน้ามีสัญลักษณ์ NFC เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์ที่มี NFC มา Pair จะได้ไม่ต้องเปิดเข้าไปใน Bluetooth Connect แค่แตะก็สามารถเชื่อมต่อกับตัว BTR5 ได้เลย ส่วนมุมบนตรงนี้แสงมันไม่ชัด แต่เปิดเครื่องก็จะเห็นข้อมูลมันจะมีจอเล็กๆ อยู่
เริ่มต้นด้วยการกดปุ่ม Power ค้างไว้ แล้วก็กดปุ่มตรงกลาง มันจะขึ้นว่า Pairing เราก็ไปที่ Bluetooth โทรศัพท์เราแล้วก็กด Connect แล้วก็รอสักพักนึงจะขึ้นว่า Connect แค่นี้เราก็สามารถส่งสัญญาณจากโทรศัพท์เราไปยังตัว BTR5 ได้ คราวนี้เรามาดูว่าเจ้า BTR5 มันมีฟังก์ชันอะไรบ้างในการทำงานต่างๆ
เราไปที่ปุ่ม power ถ้าเรากดค้าง 2 วินาทีมันจะเข้าสู่หน้าเมนู มีชาร์จ On Off เวลาจะไปหน้าต่อไปเราก็กดตรงกลางมันก็จะเปลี่ยน car mode คือ เวลาเอา BTR5 เสียบเข้ากับตัวของรถยนต์ ถ้ามัน off เราจะเปิดก็กดปุ่ม ก่อนเวลาเราสตาร์ทเครื่องยนต์เขาก็จะติดขึ้นมาเอง แต่ถ้าเราดับเครื่องยนต์ มันก็จะดับ
เมนูต่อไปก็จะเป็นตัว USB Audio ว่าจะเป็น Type ไหน 1 กับ 2 เพิ่มลดแสง dimmer มี 6 ระดับ EQ จะเป็น Dance เป็น R&B เป็น Classic Hiphop และ Filter เป็น Fast slow Mini Mini S สามารถเปิดเสียง Filter ให้เราเล่นได้ ปรับ Gain ได้ มี Low กับ High สำหรับเจ้า BTR5 ลูกเล่นมันก็คือมันรับสายวางสายโทรศัพท์ได้แน่นอนโดยกดปุ่มตรงกลาง ถ้าเกิดสมมุติเรากดปุ่ม Volume เสียง กดค้างไว้ 2 วินาทีก็จะเป็นการเปลี่ยนเพลงใหม่ข้างหน้ากับถอยเพลงมา 1 เพลง สามารถเปลี่ยนเพลงได้
ถ้าจะเพิ่มเติมก็เพื่อนๆ ก็ลองเปิดดูในคู่มือตอนที่ซื้อไปแล้วกันครับ โดยหลักๆ น่าจะครบถ้วนแล้ว น้ำหนักพอรวมกับใส่เคส ก็ไม่เบานะผมว่าแต่ก็ไม่ได้หนักมาก หนีบเสื้อน่าจะกำลังดี แล้วก็ให้ความรู้สึกที่มันๆก็จะเป็น solid แล้วก็คือข้างในเครื่องแน่นเต็ม ไม่ได้ดูก๊อกแก๊กเลย ดู Premium ผมว่าจับดูมันก็ตามราคานะคือราคามันสูงกว่ารุ่นอื่นๆ นะครับแต่ว่ามันก็ทำงานมาได้ดูเนี้ยบมาก โอเคเอาไว้ประมาณนี้นะครับ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็ยอดเยี่ยมเช่นกันใกล้เคียงกับที่ FiiO โฆษณามากเพราะฉันใช้งานได้ประมาณ 8 ชั่วโมงในขณะที่ฟังเสียงดัง และใช้ตัวแปลงสัญญาณคุณภาพสูงเช่น LDAC
รีวิวแนวเสียง Fiio BTR5
เสียง Bass ที่ได้เนี่ยจะมีขนาดลูกที่ใหญ่ปานกลางค่อนมาทางใหญ่ Speed Bass ปานกลางค่อนมาทางเร็ว impact แรงปะทะต่างๆ แรงแล้วก็แน่น Bass สามารถลงได้ลึก ฟังเพลงสนุกมากๆ
เสียงในย่านร้อง เสียงร้องที่ได้จะให้เสียงร้องที่ออกคมชัด ให้เนื้อของเสียงร้องกำลังดี ไม่หนาจนเกินไปหรือไม่บางจนเกินไป ตำแหน่งนักร้องอยู่ตรงกลาง ไม่นำไม่ถอย รายละเอียดเสียงร้องจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลางค่อนข้างดี การแยกเสียงนักร้องออกจากเสียงอื่นๆ ทำได้ปานกลาง
เสียงในย่านแหลม เสียงแหลมที่ได้จะออกคมชัด โปร่ง เป็นแหลมที่ไม่บาดหู และลากไปได้ไกล รายละเอียดของเสียงแหลมทำได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ด้านเวทีเสียงจะออกสมดุลกันระหว่างด้านกว้างแล้วก็ด้านลึก ทั้ง 2 ด้านไม่ได้กว้างหรือลึกมากจนเกินไป จะออกพอดี แต่มันไม่ถึงกับอึดอัด และการแยกเสียงที่ดังๆ ทำได้ปานกลางค่อนไปทางดี
การทดสอบดู YouTube คู่กับ iPhone 11 Pro Max ไม่พบการ Delay แม้แต่น้อยเลย เสียงการพูดคุยโทรศัพท์ต่างๆ ได้ยินชัดเจนทั้ง 2 ฝั่ง ระยะรับส่งสัญญาณทำได้ประมาณ 8-9 เมตรก่อนที่เสียงจะเริ่มหลุดหายไป
แต่ความเห็นของผม Fiio BTR5 เป็นการนำข้อดีของ BTR3 ที่มันดีอยู่แล้วเอามาต่อยอด แล้วก็ทำออกมาได้ดีด้วย เสียงที่ได้ดีกว่า BTR3 แบบรู้สึกได้เลย
ให้เสียงที่มันกลมกล่อมจัดจ้าน เสียงดีประมาณแบบตัวช่วงราคาใกล้ๆกัน ก็คือ 3,000 กว่าบาท มันจะได้เสียงคล้ายๆ กับเครื่องเล่น พวกเครื่องเล่นราคาถูกกว่านี้ผมว่าสู้ Fiio BTR5 ไม่ได้เลยครับ
แม้แต่เขาจะใช้วิธีการส่งสัญญาณเป็นแบบ Bluetooth ยิ่งเสียงในช่องตัว Balance 2.5 ผมต้องบอกว่ามันดีมากนะครับมันคมชัดแล้วก็ให้รายละเอียดที่ดีกว่าช่อง 3.5 แบบรู้สึกได้เลย ถ้าเพื่อนๆมีหูฟังที่สามารถเปลี่ยนสายได้ลองหาสายแบบ balanced 2.5 มาลองเสียบดูนะครับ ผมว่านะเพื่อนๆจะประหลาดใจที่เสียงมันดีขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจนเลย
สรุป
การใช้งานต่างๆต้องบอกว่าสะดวกดีครับ ปุ่มต่างๆ สั่งควบคุมเพลงได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Volume การเปลี่ยนเพลง หยุดเพลงสามารถทำได้ดี ตอบสนองได้เร็ว จะมีข้อเสียที่ผมจะตินิดนึงก็คือตัวจอแสดงผลที่ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วทำมาขนาดนี้จอก็เล็กๆ นะครับน่าจะให้ความละเอียดจอมากกว่านี้หน่อยนึง จะได้คมชัดกว่านี้ครับ แต่นี่คือจอมันไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็เพียงพอนะสำหรับการดูข้อมูลต่างๆ ที่มันไม่ได้ต้องการรายละเอียดอะไรมากมาย ผมคิดว่าเหตุผลที่เขาไม่ใส่จอละเอียดก็คงเป็นเรื่องแบตเตอรี่ที่เขาต้องการให้มันกินพลังงานน้อยก็เลยใส่จอที่อาจจะไม่ละเอียดเท่าไหร่มา
Fiio BTR5 เป็นอีกตัวนึงที่ผมแนะนำว่าน่าจะเอามาลองใช้ดูนะครับ ผมว่าเพื่อนๆ จะไม่ผิดหวัง เพราะมันสามารถให้เสียงเหมือนเรากำลังฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลง Hi-Res หรือ DAP ซึ่งผมกล้าพูดได้เลยครับว่าเสียงที่ได้ สามารถชนกับ DAP ระดับกลางไปจนเกือบแตะรุ่นสูงๆได้เลย